วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

เรื่องราวข่าวสารเกี่ยวกับ IT

สหรัฐฯงัดกม.เชือดผู้ส่งออกไทย ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนผลิตสินค้าขาย


สหรัฐฯเอาจริง เชือดผู้ส่งออกไทย ใช้ซอฟต์แวร์เถื่อนในการผลิตยางรถยนต์ส่งขายที่สหรัฐอเมริกา ภาครัฐเตือนผู้ประกอบการไทยต้องปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา

พ.ต.อ.ชัยณรงค์ เจริญไชยเนาว์ รองผู้บังคับการ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ทาง สำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐเทนเนสซีประกาศดำเนินคดีและเรียกร้องค่าเสียหายกับผู้ส่งออกไทยรายหนึ่งในฐานที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในกระบวนการผลิตยางรถยนต์ที่ส่งออกไปจำหน่ายยังรัฐเทนเนสซี  ซึ่งถือเป็นรัฐที่สี่ของสหรัฐอเมริกาที่บังคับใช้กฎหมายกับบริษัทต่างชาติที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ  โดยบริษัทผู้ส่งออกยางรถยนต์ไทยรายดังกล่าว ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของไมโครซอฟท์ ออโต้เดสก์ และไทยซอฟต์แวร์เอ็นเตอร์ไพรส์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์พจนานุกรม  กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างล่าสุดที่สำนักงานอัยการสูงสุดของสหรัฐฯ บังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรมต่อบริษัทต่างชาติที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์

“คดีนี้ถือเป็นครั้งที่สองที่ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายของกฎหมายว่าด้วยการแข่งขันทางธุรกิจที่ไม่เป็นธรรม  และยังเป็นการเตือนภาคธุรกิจว่าจะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ผู้บริหารองค์กรธุรกิจควรใช้ซอฟต์แวร์ที่ถูกกฎหมายเพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าพวกเขาจะไม่ถูกตรวจสอบในอนาคต ทั้งนี้อัตราการละเมิดลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ที่สูงถึง 72 เปอร์เซ็นต์ในประเทศไทยนับเป็นปัญหาที่ต้องดำเนินการอย่างจริงจัง”

อย่างไรก็ตาม มร. วิคเตอร์ โดเมน แห่งสำนักงานอัยการสูงสุดของรัฐเทนเนสซี ได้ออกประกาศว่าได้มีการตกลงไกล่เกลี่ยคดีกับบริษัทยางรถยนต์จากประเทศไทยที่ละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและสร้างความได้เปรียบทางการค้าอย่างไม่เป็นธรรมกับบริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ในรัฐเทนเนสซี  โดย ทางการรัฐเทนเนสซีได้ประสานงานกับหน่วยงานราชการของไทยและสถานทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทยเพื่อขอสนับสนุนด้านหลักฐานทางกฎหมาย

ด้านนางปัจฉิมา ธนสันติ อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา กล่าวว่า ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกของไทยให้ตระหนักถึงความเข้มงวดในการบังคับใช้กฎหมายการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมในสหรัฐอเมริกา และได้เตือนหลายบริษัทถึงความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาของไทย โดยกรณีล่าสุดนี้ ทางกรมฯได้เน้นย้ำให้เห็นว่าธุรกิจทุกประเภทจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและข้อกำหนดต่างๆ ในการดำเนินธุรกิจไม่ว่าในประเทศไทยหรือต่างประเทศ.

อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th

“ทรู อินคิวบ์” ปั้นนักพัฒนาแอพไทย สู่เวทีโลก - ฉลาดสุดๆ


แอพพลิเคชั่นใหม่ๆ มักเกิดขึ้นมากับเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ และช่วยให้ชีวิตประจำวันมีความสะดวกสบายมากขึ้น

ดังนั้น นักพัฒนาจึงต้องคิดค้นแอพพลิเคชั่นใหม่ๆ อย่างไม่หยุดนิ่ง ซึ่งคนบางกลุ่มมีเพียงมันสมองอย่างเดียวก็ไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากไม่มีหน่วยงาน องค์กร หรือผู้สนับสนุน

“ทรู อินคิวบ์” เป็นโครงการที่สนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีความสามารถได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนความรู้ในระดับโลก โดยเปิดตัวไปเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา มีผู้สมัครเข้าร่วมโปรแกรม 150 ทีม ปัจจุบันคัดเลือกเหลือ 6 ทีมสุดท้าย

โดยทั้ง 6 ทีมจะได้เข้าร่วมบูท แคมป์ กลางเดือนนี้ จากผู้เชี่ยวชาญและทีมที่ปรึกษา (Mentors) ทีมงานทรู อินคิวบ์ และ 500 สตาร์ทอัพ (500 Startups) และทีมที่พร้อมที่สุดจะได้เข้าเรียนรู้การทำงานโดยตรงกับ 500 สตาร์ทอัพ ที่ซิลิคอน วัลเล่ย์ สหรัฐอเมริกาด้วย

นายปุณณมาศ วิจิตรกุลวงศา ผู้อำนวยการบริหาร ทรู อินคิวบ์ ในเครือ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เล่าว่า ทรู อินคิวบ์ ได้ลงทุนในกองทุนของ 500 สตาร์ทอัพ เพื่อส่งเสริมให้สตาร์ทอัพและผู้ประกอบการชาวไทยประสบความสำเร็จในระดับสากล ให้ได้เปรียบในการแข่งขัน สร้างธุรกิจให้เป็นจริง

นายนที จารยะพันธุ์ ตัวแทนทีม Fit Me เล่าว่า Fit Me ถือเป็นโซลูชั่นสำหรับนักช้อปออนไลน์ ที่ช่วยให้สั่งซื้อเสื้อผ้าได้ตรงตามไซส์ ในการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ โดยเฉพาะเสื้อผ้านั้น จะหาขนาดได้ตรงตามรูปร่างแต่ละคนยาก ไม่เหมือนกับไปเลือกซื้อตามห้างสรรพสินค้าที่สามารถทดลองสวมใส่ได้

ดังนั้น โซลูชั่นนี้จะเป็นทางเลือกให้ลูกค้ากรอกขนาดไซส์ และสามารถปรับเปลี่ยนอัพเดทได้ตามความต้องการของลูกค้าด้วย ขณะนี้มีแบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์ให้ความสนใจร่วมกับ Fit Me จำนวนมาก โดย Fit Me จะมีดีไซเนอร์ที่มีความสามารถให้คำแนะนำ มองว่าในอนาคตลูกค้าสามารถนำข้อมูลไซส์ มาใช้ประโยชน์ทางธุรกิจได้อีก

นายเลอทัด ศุภดิลก ตัวแทนทีม SellSuki เล่าว่า SellSuki แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ช่วยให้ร้านค้าขายสินค้าสะดวกมากยิ่งขึ้น ด้วยการนำระบบแชทไว้ตรงกลางเสมือนหน้าเฟสบุ๊ค และจัดระบบลูกค้าให้เป็นหมวดหมู่ว่า ลูกค้าอยู่ระหว่างแชท สั่งสินค้าหรือจัดส่งสินค้าเรียบร้อยแล้ว โดยสรุปหน้าที่ของ SellSuki มี 3 หน้าที่หลักคือ ช่วยคุย ช่วยขาย และช่วยส่ง

นายพิริยะ ตันตราธิวุฒิ ตัวแทน Sticgo เล่าวว่า Sticgo เป็นแอพพลิเคชั่นสติ๊กเกอร์บนมือถือ สำหรับเช็คอินตามสถานที่โปรดที่ไม่ซ้ำแบบกัน โดยศึกษาจากพฤติกรรมของคนในสมัยนี้ ที่เข้าไปทานอาหารในร้านที่มีความสวยงามและอัพรูปภาพลงโซเชียลมีเดีย ดังนั้น จึงมีแนวคิดออกแบบสติ๊กเกอร์ให้กับร้านอาหารหรือสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ

“ร้านค้าอาจจะมีโปรโมชั่น อาทิ เมื่อลูกค้ามาทานอาหารแล้วถ่ายภาพแปะสติ๊กเกอร์ร้านอัพลงโซเชียลมีเดีย จะได้รับส่วนลดหรือข้อเสนออื่นๆ ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ประกอบการโดยเฉพาะร้านอาหาร ปัจจุบันเรามีสติ๊กเกอร์กว่า 200 สถานที่แล้ว มียอดที่ดาวน์โหลดมากกว่า 6 หมื่นคน” นายพิริยะ กล่าว

ด้านนายวิชานน์ มานะวณิชเจริญ ตัวแทนทีม Taamkru เล่าว่า Taamkru เป็นการศึกษาออนไลน์สำหรับเด็กอนุบาล เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการเรียนรู้ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนวคิดมาจากเด็กอนุบาลที่มีอายุไม่ถึง 6 ขวบ ต้องทำแบบฝึกหัดวันละหลายแผ่น เด็กๆ ต้องทนทำ บางข้อที่ทำผิดก็ไม่ได้อยากทำซ้ำ ผู้ปกครองวัดผลการเรียนของลูกไม่ได้
ดังนั้น แอพพลิเคชั่น Taamkru จะเป็นแบบฝึกหัดที่กระตุ้นการเรียนรู้ สร้างทักษะกระบวนการคิดให้เด็ก และ ผู้ปกครอง สามารถดูคะแนนย้อนหลัง ทราบว่าลูกเก่งอะไร สามารถเทียบคะแนนเฉลี่ยได้ทั่วประเทศ เริ่มจากเทียบในห้องเรียน ซึ่งจะทำให้รู้ว่าเด็กอยู่ในระดับไหนและแข่งขันกับโรงเรียนใกล้เคียงได้หรือไม่

ส่วนนายธนา จันทรรพงษ์ ตัวแทนทีม Todok เล่าว่า Todok เป็นแอพพลิเคชั่นแคชเชียร์บนไอแพดช่วยให้ร้านค้าขายปลีกสามารถบริหารระบบการจ่ายเงิน และรายการสินค้าได้อย่างครบวงจร ถือเป็นการเชื่อมโยงอุปกรณ์บนเครื่องคอมพิวเตอร์ซีพี (ตั้งโต๊ะ) มาลงบนไอแพด เจ้าของร้านสามารถบริหารจัดการได้ ข้อมูลไม่หายเพราะอยู่บนอินเทอร์เน็ต ซื้อขายสินค้าได้ทุกพื้นที่ ปัจจุบันมีร้านหนังสือเล็ก ๆ ใช้อยู่ประมาณ 500 กว่าร้าน

นายพงศธร พิพัฒน์ธรรม ตัวแทนทีม Zeekamore เล่าว่า เป็นแหล่งรวมอี-แคตตาล็อก ของหลากหลายร้านดัง แตกต่างจากแคตตาล็อกธรรมดาที่เป็นกระดาษค้นหาไม่ได้ พกพายาก มีต้นทุนในการจัดพิมพ์สูง ดังนั้น Zeekamore จะเป็นแหล่งข้อมูลที่เป็นดิจิทัล ช่วยให้การช้อปปิ้งง่ายขึ้น รายละเอียดสินค้าของแต่ละแบรนด์จะมีครบ ลูกค้าสามารถค้นหาข้อมูลได้ทุกกที่ ทุกเวลาตามความต้องการ


เมื่อเทคโนโลยีก้าวไกล คนก็ต้องก้าวทันเทคโนโลยีด้วยเช่นกัน แต่ไม่ใช่ว่าจะให้เสพติดเทคโนโลยีจนเกินไป เพราะสิ่งสำคัญคือ ความรู้ทันเทคโนโลยีและใช้ปรับเพื่อการดำรงชีวิตประจำวัน.

อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th


กสท.นำเงินรายได้ขายซอง 49 ลบ.จัดประมูลทีวีดิจิทัล


วันนี้(16ก.ย.)ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง(กสท.)เปิดเผยว่า ที่ประชุมกสท.ขออนุมัติใช้เงินรายได้จากการจำหน่ายซองเอกสารการประมูลทีวีดิจิทัล บริการธุรกิจ 24 ช่องเมื่อช่วงวันที่ 10 – 12 ก.ย. 56 จำหน่ายราคาซองละ 1 ล้านบาท  โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมซื้อซองเอกสารจำนวน 49 ซอง รวมเป็นเงิน 49 ล้านบาท  เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายจัดประมูลทีวีดิจิทัลช่วงประมาณกลางเดือนธ.ค.56  เบื้องต้นงบประมาณค่าใช้จ่ายประมูล 5 ล้านบาท ที่ได้รับอนุมัติจากสำนักงานกสทช.  ส่วนค่าโปรแกรมซอฟต์แวร์การประมูลประมาณ 12 ล้านบาท โดยจะเสนอที่ประชุมกสทช.ในวันที่ 18 ก.ย. 56 นี้


สำหรับกระบวนการจากนี้เป็นการพิจาณาเอกสารของผู้ประกอบการที่ได้ยื่นซื้อซอง  หลังจากนั้นในวันที่ 15 ต.ค. 56 ได้เปิดชี้แจ้งข้อมูลการกรอกเอกสาร แบบฟอร์ม เพื่อให้ยื่นขอรับใบอนุญาตวันที่ 28-29 ต.ค.56  ซึ่งกสท.คาดว่าจะมีผู้มายื่น 70 % ของผู้ที่ซื้อซองทั้งหมด ถือเป็นการแข่งขันแล้ว ส่วนกรณีการตรวจสอบคุณสมบัติเรื่องผลประโยชน์ร่วมกันของผู้บริการ ผู้ที่เกี่ยวโยงกัน ผู้มีอำนาจควบคุม รวมถึงการถือหุ้นไขว่กันระหว่างผู้เข้าร่วมประมูล เป็นกระบวนการตรวจสอบลำดับต่อไป


พ.อ.ดร.นที กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้ นำ(ร่าง)ประกาศกสทช.เรื่อง มาตรฐานสัญญาการให้บริการโทรทัศน์แบบบอกรับสมาชิกพ.ศ...  นำไปเสนอที่ประชุมกสทช. เพื่อขอความเห็นชอบนำไปเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นสาธารณะ(ประชาพิจารณ์) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่ใช้บริการ  รวมทั้งอนุมัติทดลองวิทยุเพิ่มเติม 50 ใบ แบ่งเป็นบริการธุรกิจ 42 ใบ บริการสาธารณะ 1 ใบ และบริการชุมชน 7 ใบ รวมออกใบอนุญาตทดลองไปแล้วจำนวน 2,734 ใบ

อ้างอิง : http://www.dailynews.co.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น